Search

รองเท้าผ้าใบ

Converse All Star 90s สาเหตุที่ Converse นำ One Star Converse All Star กลับมาอีกครั้งเนื่องจากรองเท้าคู่นี้กลายเป็นที่ต้องการของบรรดาคนที่ชื่นชอบแฟชั่นสไตล์ American vintage / Ivy ในญี่ปุ่นช่วงยุค 80-90s high knee converse ที่เดินทางมาสหรัฐอเมริกาเพื่อกวาดหาซื้อสต็อกรองเท้ารุ่นดังกล่าวทั้งหมดที่สามารถหาได้  retro converse all stars

ในยุค 90s นั้นเทรนด์รองเท้ากีฬาเน้นเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งถูกนำเสนอโดยแบรนด์ใหญ่ และ Converse ก็ไม่ได้เป็นผู้นำในตลาดกีฬาอีกต่อไปแล้ว ยังไงก็ตามรองเท้าของ Converse กลับได้รับความนิยมในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบความคลาสสิก รวมไปถึงในวงการดนตรีที่​ Converse กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความขบถและเป็นตัวของตัวเอง

Converse All Star 90s โดยเฉพาะบรรดาวงดนตรีร็อกและพังก์ที่นิยมเลือกใส่รองเท้า Converse ทาง Converse จึงนำรองเท้าคู่นี้ที่เคยทำตลาดอยู่แค่เพียงปีเดียวแล้วหายไปกลับมาทำใหม่อีกครั้งในปี 1993 พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น Converse One Star โดยถอดเอาแถบข้างทั้งสองที่ประกบโลโก้ดาวออกและวางภาพลักษณ์ของรองเท้ารุ่น One Star ให้แตกต่างจากที่เคยเป็นรองเท้าสำหรับบาสเก็ตบอล

มี 2 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รองเท้า Converse One Star กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ปัจจัยแรกรองเท้า One Star กลายเป็นตัวเลือกที่เพอร์เฟกต์สำหรับกีฬาสเก็ตบอร์ด ด้วยความที่รองเท้ามีราคาถูก จับต้องได้ ใช้วัสดุพิเศษอย่างหนังกลับที่มีความคงทนและมีพื้นรองเท้าแบนเรียบ ให้พื้นที่สัมผัสกับแผ่นบอร์ดได้อย่างเต็มที่ รวมไปถึงการทำการตลาดที่เจาะจงเข้าไปในกลุ่มผู้เล่นสเก็ตบอร์ดโดยเฉพาะ อย่างการลงโฆษณาในหนังสือ Thrasher Magazine การใช้ Spike Jonze ช่างภาพและผู้กำกับชื่อดังในการช่วยโปรโมต และมีนักสเก็ตชื่อดังมากมายสวมใส่ retro converse all stars

ทำให้มันได้รับความนิยมในทันที ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือการเกิดขึ้นของดนตรีประเภท grunge rock ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยมีหัวหอกที่มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นในยุคนั้นอย่าง Kurt Cobain จากวง Nirvana ที่มีสไตล์การแต่งตัวแบบ anti-fashion อย่างเสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง กางเกงยีนส์ขาด และมักจะสวมใส่รองเท้า Converse One Star ตลอดเวลา (แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต เจ้าตัวก็ยังคงสวมใส่ Converse One Star) ปัจจัยทั้งสองอย่างทำให้ Converse One Star กลายมาเป็นคีย์ไอเทมที่สำคัญสำหรับวัยรุ่นในยุค 90s high knee converse

 

ยังไงก็ตาม การที่ ​Converse มัวแต่พึ่งพารองเท้าแค่ 2-3 รุ่น ขาดการพัฒนานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่น่าสนใจใดๆ ในขณะที่คู่แข่งที่เคยตามหลังต่างแซงหน้าไปไกล การสูญเสียตำแหน่งทางการตลาดและไม่สามารถทวงคืนมาได้ บวกกับการบริหารที่ผิดพลาด ทำให้ยอดขายของ Converse ตกต่ำลงเรื่อยๆ และมีหนี้สินที่งอกเพิ่มพูนในช่วงปี 2000 จนในที่สุด Converse ก็จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการขอยื่นพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายในวันที่ 22 มกราคม 2001 บริษัทต้องเปลี่ยนมือและถูกซื้อกิจการโดย Marsden Cason และ Bill Simon ในเดือนเมษายนปีเดียวกัน retro converse all stars

ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2003 Converse ก็ถูกเทคโอเวอร์กิจการทั้งหมดอีกครั้งโดย Nike ด้วยมูลค่าถึง 309 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ทั้งหมด ด้วยการลดผลิตภัณฑ์กีฬาของ Converse ลง และสร้างภาพลักษณ์ Converse ให้เป็นแฟชั่นที่มีประวัติศาสตร์และมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมมากมายมายาวนาน พร้อมทั้งเพิ่มเติมความสดใหม่ให้กับ Converse ไม่ว่าจะเป็นลวดลายแปลกใหม่และวัสดุที่น่าสนใจ หรือการนำเทคโนโลยีบางอย่างของ ​Nike มาใช้ในรองเท้า Converse ยังไม่รวมถึงการคอลแล็บกับแบรนด์ต่างๆ อีกมากมายที่ทำให้ Converse สามารถฟื้นกลับมาได้อีกครั้งด้วยรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี เช่น ในปี 2017 ที่มีรายได้สูงถึง 2,042 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Converse All Star

สำหรับโลกของสตรีทคัลเจอร์แล้ว Converse ทำงานร่วมกับผู้คนมากมายหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน นักร้องวงดนตรีต่างๆ และทำงานร่วมกับแบรนด์แฟชั่นทั้งไฮเอนด์และสตรีทแวร์มานับไม่ถ้วน รวมถึงเคยร่วมโปรเจกต์พิเศษต่างๆ จำนวนมาก เช่น โปรเจกต์การกุศลที่ Converse ร่วมมือกับองค์กรการกุศล (RED) ที่ก่อตั้งในปี 2006 โดย Bono high knee converse

นักร้องนำจากวง U2 และ Bobby Shriver เพื่อออกจำหน่ายสินค้าพิเศษที่จะนำรายได้มาช่วยเหลือผู้ป่วยจากโรคเอดส์ มาลาเรีย และวัณโรค ด้วยการทำงานร่วมกับศิลปินและแบรนด์ต่างๆ มากมายหลากหลายแขนง ซึ่งการร่วมมือกับ Converse ภายใต้ชื่อเรียกว่า Converse (PRODUCT)RED ก็ได้ออกรองเท้าไลน์พิเศษเพื่อสนับสนุนกิจกรรมขององค์กรนี้ retro converse all stars

 

นอกจากนั้น การกลับมาของ Converse One Star ในปี 1993 ทำให้ Converse มองเห็นโอกาสที่จะเติบโตได้ในตลาดกีฬาสเก็ตบอร์ดที่ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ​Converse กลับมาได้รับความสนใจ ในปี 2009 ทางแบรนด์จึงเปิดตัวไลน์สินค้าสำหรับสเก็ตบอร์ดโดยเฉพาะภายใต้ชื่อ ‘CONS’ Converse All Star

บทความแนะนำ